Tuesday, August 29, 2017

English - speaking Master of Ceremonies's Workshop

English - speaking Master of Ceremonies's Workshop

 การอบรมพิธีกรภาคภาษาอังกฤษ
****************

Base Activities on how to become a Memorable MC

 
 
 



Being Proficient in English Pronunciation






Assigning Group Projects
 






Participants Preparing for the Assigned Event Organizations



 

 
 

************
PATCHARIN  KANWANA  (NOI)
DOITAO WITTAYAKOM SCHOOL, DOITAO DISTRICT, CHIANG MAI PROVINCE




Sunday, August 20, 2017


ห้องเรียนคุณภาพของครูพัชรินทร์  

ตอนที่ ๒ การจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาและออกแบบการเรียนรู้

วัตถุประสงค์และเป้าหมายของการดำเนินงาน
๑.  เพื่อจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาและออกแบบการเรียนรู้รายวิชาภาษาอังกฤษ   

แนวการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ และการออกแบบการเรียนรู้รายวิชาภาษาอังกฤษ ของครูพัชรินทร์  กันวะนา  โรงเรียนดอยเต่าวิทยาคม  ดังนี้
                 ๑.  ประชุมวางแผนการดำเนินงานร่วมกันในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ


                ๒.  วางแผนการทำงานของตนเอง (ID Plan)

๓.   ศึกษาค้นคว้าความรู้เพิ่มเติมจาก TEPE Online  การเข้ารับการอบรม และอื่น ๆ



๔.   ศึกษาวิเคราะห์หลักการ จุดมุ่งหมาย โครงสร้างของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ 

ทำไมต้องเรียนภาษาต่างประเทศ
            ในสังคมโลกปัจจุบัน การเรียนรู้ภาษาต่างประเทศมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในชีวิตประจำวัน เนื่องจากเป็นเครื่องมือสำคัญในการติดต่อสื่อสาร  การศึกษา  การแสวงหาความรู้  การประกอบอาชีพ  การสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมและวิสัยทัศน์ของชุมชนโลก และตระหนักถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมและมุมมองของสังคมโลก นำมาซึ่งมิตรไมตรีและความร่วมมือกับประเทศต่างๆ ช่วยพัฒนาผู้เรียนให้มีความเข้าใจตนเองและผู้อื่นดีขึ้น เรียนรู้และเข้าใจความแตกต่างของภาษาและวัฒนธรรม  ขนบธรรมเนียมประเพณี  การคิด  สังคม เศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง       มีเจตคติที่ดีต่อการใช้ภาษาต่างประเทศ และใช้ภาษาต่างประเทศเพื่อการสื่อสารได้ รวมทั้งเข้าถึงองค์ความรู้ต่าง ๆ ได้ง่ายและกว้างขึ้น และมีวิสัยทัศน์ในการดำเนินชีวิต ภาษาต่างประเทศที่เป็นสารการเรียนรู้พื้นฐาน ซึ่งกำหนดให้เรียนตลอดหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน  คือ ภาษาอังกฤษ ส่วนภาษาต่างประเทศอื่น เช่น ภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน จีน ญี่ปุ่น อาหรับ บาลี และภาษากลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน หรือภาษาอื่น ๆ ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาที่จะจัดทำรายวิชาและจัดการเรียนรู้ตามความเหมาะสม

เรียนรู้อะไรในภาษาต่างประเทศ
            กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ  มุ่งหวังให้ผู้เรียนมีเจตคติที่ดีต่อภาษาต่างประเทศ สามารถใช้ภาษาต่างประเทศ สื่อสารในสถานการณ์ต่าง ๆ แสวงหาความรู้ ประกอบอาชีพ และศึกษาต่อ ในระดับที่สูงขึ้น รวมทั้งมีความรู้ความเข้าใจใน
เรื่องราวและวัฒนธรรมอันหลากหลายของประชาคมโลก และสามารถถ่ายทอดความคิดและวัฒนธรรมไทยไปยังสังคมโลกได้อย่างสร้างสรรค์ ประกอบด้วยสาระสำคัญ ดังนี้
·       ภาษาเพื่อการสื่อสาร     การใช้ภาษาต่างประเทศในการฟัง-พูด-อ่าน-เขียน  แลกเปลี่ยนข้อมูล  ข่าวสาร  แสดงความรู้สึกและความคิดเห็น  ตีความ  นำเสนอข้อมูล  ความคิดรวบยอดและความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ  และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลอย่างเหมาะสม 
·       ภาษาและวัฒนธรรม   การใช้ภาษาต่างประเทศตามวัฒนธรรมของเจ้าของภาษาความสัมพันธ์ ความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา ภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษากับวัฒนธรรมไทย  และนำไปใช้อย่างเหมาะสม
·       ภาษากับความสัมพันธ์กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น    การใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น เป็นพื้นฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และ

เปิดโลกทัศน์ของตน

·       ภาษากับความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก     การใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่างๆ  ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน ชุมชน และสังคมโลก  เป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ  

ประกอบอาชีพ   และแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก

https://oer.learn.in.th/search_detail/result/24557

          ๕.   จัดทำหลักสูตรสถานศึกษา โดยนำสาระการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด มาเขียนเป็นคำอธิบายรายวิชา จัดทำหน่วยการเรียนรู้ 

  ๖.   รวบรวมแนวข้อสอบ O-Net สำรวจความต้องการของผู้ปกครองและชุมชน สำรวจแหล่งเรียนรู้ในชุมชน ออกแบบสอบถามพฤติกรรมของผู้เรียน

https://docs.google.com/file/d/0B5W5MAKklqiiSDBDVnl5alB0VDg/edit


   ๗.  จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้แนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสารที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โดยนำหลักสูตรแกนกลาง  หลักสูตรสถานศึกษา แนวข้อสอบ O-Net วิเคราะห์ลงสู่แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาอังกฤษตามแนวการสอนภาษาเพื่อการสื่อสารที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ และเพื่อให้ผู้เรียนได้ตระหนักถึงความสำคัญของชุมชน





Tuesday, August 15, 2017

English Project Work

English Project Work
"Parts of Speech"
**************
           การทำโครงงานภาษาอังกฤษเกี่ยวกับการเรียนรู้ชนิดของคำ เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน รหัส อ 33101 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หน่วยที่ 2 เรื่อง English Project Work   
           ในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษนักเรียนจำเป็นต้องรู้และเข้าใจชนิดของคำศัพท์เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการสร้างประโยคและรู้ความหมายตามหน้าที่ของคำ  แต่จากการสำรวจปรากฏว่านักเรียนส่วนใหญ่เรียนภาษาอังกฤษเป็นเวลาหลายปีแต่พวกเขาไม่สามารถสร้างประโยคและแยกแยะชนิดของคำได้  พวกเขาไม่เข้าใจประเภทของคำศัพท์ ดังนั้นจึงไม่สามารถสร้างประโยค และทำให้ไม่ทราบความหมายด้วย จากปัญหาดังกล่าวพวกเราจึงจำเป็นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับชนิดของคำซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐาน และเพื่อให้เกิดความรู้ที่ยั่งยืน เป็นการเรียนรู้ด้วยตนเอง จึงได้ฝึกสรุปความรู้ที่ได้เรียนมาในรูปแบบหลากหลาย เช่น สมุดเล่มเล็ก  หนังสืออิเล็กทรอนิก E-book,  โปรแกรม Power Point, หนังสือ Pop Up หนังสือเล่มเล็ก และอื่น ๆ  มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนรู้เข้าใจและสามารถแยกแยะชนิดของคำที่ซับซ้อนได้ รวมทั้งนักเรียนสามารถสรุปความรู้จากแหล่งเรียนรู้หลากหลาย และนำไปใช้ได้ด้วยตนเองโดยการนำเสนอตามความถนัดของนักเรียนหลายรูปแบบ
                           **************
Parts of speech is the kinds of speech; there are 8  kinds of them.
Parts of speech คือ ประเภทของคำต่างๆซึ่งแบ่งตามหน้าที่ของคำได้เป็น       8 ชนิดใหญ่ๆ ดังนี้
1. Nouns
2. Pronouns
3. Adjectives
4. Verbs
5.  Adverbs
6. Prepositions
7. Conjunction
8. Interjection

1.  Nouns  คำนาม (Noun) หมายถึง ชื่อที่เรียก คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ คุณสมบัติ หรือคุณค่า เช่น  Man, book, tree, Bangkok, New York, James, Johnny   

แบ่งได้ดังนี้

1.  Common Noun  (สามานยนาม) หมายถึง คำนามที่ใช้เป็นชื่อเรียกทั่วไปของคน สัตว์ สิ่งของ และสถานที่ ซึ่งไม่ได้เป็นชื่อเฉพาะเจาะจงของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง สิ่งของชนิดใดชนิดหนึ่ง หรือสถานที่ใดที่หนึ่ง เช่น
-  The woman is working in the garden.
-  The kittens are playing with the ball.
-  The box is full of candy.
2.  Proper Noun (วิสามานยนาม) หมายถึง คำนามที่เป็นคำเรียกเฉพาะหรือเป็นชื่อเฉพาะของบุคคล สัตว์ สิ่งของ และสถานที่  ต้องเขียนขึ้นต้นด้วยคำอักษรตัวพิมพ์ใหญ่ (capital letter) เสมอ ไม่ว่าจะอยู่ส่วนใดของประโยคก็ตาม เช่น
King Bhumipol is the King of Thailand.
Tokyo is the capital of Japan.
-  I have never seen the Eifel Tower before.
3.  Collective Noun (สมุหนาม) หายถึง คำนามที่มีความหมายแสดงความเป็นหมวดหมู่ กลุ่ม  คณะ หรือ ฝูง  มีรูปแบบการใช้ดังนี้
3.1  collective noun นำมาใช้เดี่ยวๆ มีความหมายเป็นกลุ่ม หมู่ จำพวก คณะ หรือ ฝูง เช่น  family,  committee, team, cabinet, class, government, party, jury, army mob, fleet, crowd
3.2  collective noun + of + common noun (รูปพหูพจน์) เช่น  a bunch of flowers, a set of cards, a pair of shoes, a group of students, a crowd of people, a basket of fruit, a hive of bees, a school of fish, a flock of sheep, etc.
4.  Material Noun (นามวัตถุ) หมายถึง คำนามที่มีลักษณะรวมกันเป็นกลุ่ม ก้อน แสดงความมากน้อยด้วยปริมาณจัดอยู่ในประเภทของคำนามนับไม่ได้ เช่น  water, milk, coffee, ice, chalk, paper, air, meat, butter, rice, floor, etc.
5.  Abstract Noun (อาการนาม) หมายถึง คำนามที่มีลักษณะความหมายเป็นนามธรรม ไม่ใช่รูปธรรม (ไม่มีรูปร่างและตัวตน จับต้องไม่ได้) ซึ่งอาจเป็นการแสดงสภาวะ การแสดงคุณสมบัติ และการแสดงการกระทำ เช่น  richness, happiness, pleasure, love, hatred, honesty, action, decision, education, politics, economics, etc.
6.  Compound Noun (คำนามผสม) หมายถึงคำนามที่เกิดจากการนำเอาคำสองคำมารวมกันแล้วเกิดเป็นคำใหม่ขึ้น โดยคำที่วางไว้อยู่ข้างหน้าจะทำหน้าที่เป็นคำขยายคำนามที่วางได้อยู่ข้างหลัง  มีวิธีการผสมคำหลายวิธีดังนี้
6.1  noun + noun เช่น
-  life + boat                 =  life boat                   -  foot + path                =  footpath
-  door + man               =  doorman                  -  sun + light                =  sunlight
-  mail + box                = mailbox
6.2  gerund + noun เช่น
-  swimming + pool     = swimming-pool        -  living + room           =  living-room
-  washing + machine  = washing-machine     -  writing + pad            =  writing-pad
6.3  noun + gerund  เช่น
-  bull + fighting          =  bull-fighting = doll + making           = doll-making
6.4  noun + verb (or,er)  เช่น
-  a pencil sharpener                                        -  a bottle opener
-  a hair dryer                                                   -  a bus driver
7.  Agent Noun หมายถึง คำนามที่แสดงความเป็นผู้กระทำซึ่งเป็นคำที่มาจากคำนามหรือคำกริยา แล้วเติม suffix เช่น (-er, -or, -ant, -ist, -ician)
-  act                =  actor, actress                        -  sail                =  sailor
-  history          =  historian                              -  music            =  musician
-  visit              =  visitor                                  -  tour               =  tourist
-  piano            =  pianist                                  -  manage         =  manager
-  serve             =  servant                                 -  assist             =  assistant
2.  Pronouns     
คำสรรพนาม (Pronouns) หมายถึง คำที่ใช้แทนคำนามเมื่อผู้พูดกล่าวหมายถึงสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็น ครั้งที่สอง  ประโยชน์ของคำสรรพนามก็เพื่อผู้พูดได้ต้องพูดคำนามนั้นๆซ้ำๆกันอยู่หลายๆครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำนามที่เป็นคำยาวๆ เช่นJame and Jane always played hooky from school, so they were punished by the teacher.
3.  Adjectives
 คำคุณศัพท์ (Adjectives)   หมายถึง คำที่ขยายคำนามให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เป็นคำที่บ่งบอกถึงคุณลักษณะ คุณสมบัติ สี รูป ร่างภายนอก ของคำนามที่มันขยาย  อยู่ โดยทั่วไปจะวางไว้หน้าคำนามที่มันขยายอยู่  เช่น read book         dark room         hot water    small dog     foul mouth        smart boy          dirty clothes       low quality        beautiful girl4.  Verbs
คำกริยา (Verb) คำที่ใช้เพื่อแสดงการกระทำ หรือสภาพของนาม หรือสรรพนาม   ดังนี้      
4.1  กริยาที่บ่งบอกถึงการกระทำ  เช่น  Play run  walk   eat  rush  make cry.
4.2 กริยาที่บ่งบอกถึงสภาพ เช่น  Be having look become seem smell.5.  Adverbs
คำกริยาวิเศษณ์ (Adverbs)  หมายถึง คำที่บ่งบอกถึงระดับความมากน้อย ของกริยาที่มันขยายอยู่ นอกจากนี้ยังใช้ขยาย คำคุณศัพท์ หรือขยายคำกริยาวิเศษณ์ด้วยกันเองอีกด้วย ถ้าขยายกริยาจะวางไว้หน้ากริยา ถ้าขยายคำคุณศัพท์จะวางไว้หน้าคำคุณศัพท์ และขยายกริยาวิเศษณ์    เช่นThe teacher spoke clearly.           He ran absolutely fast 6. Prepositions  
คำบุพบท (Prepositions) หมายถึงคำเชื่อมแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง noun หรือ pronoun กับคำอื่นๆในประโยค ทั้งในด้านความหมายและไวยากรณ์ โดยทั่วไปบุพบทจะอยู่หน้าคำนาม, สรรพนาม,v-ing  (gerund)หรือคำนามที่ทำหน้าที่เสมือนเป็นคำนามเช่น noun  clause บุพบทแต่ละตัวจะบอกความหมายที่แตกต่างกันดังนี้      I looked for her.
7.   Conjunction  คำสันธาน

คำสันธาน (Conjunction) คือคำที่ใช้เชื่อมประโยคสองประโยคหรือมากกว่าเข้าด้วยกัน แบ่งได้              2 ประเภท  ได้แด่
1.  co-ordination conjunctions  คือคำสันธานที่เชื่อมประโยคที่มีความสำคัญค่าหรือมีค่าพอกัน  ได้แก่  and, but, so, or, both….and, not only…but also, either…or and neither…..nor
2.  Subordination Conjunctions  คือคำสันธานที่เชื่อมประโยคอีกประเภทหนึ่ง  ได้แก่ 
-  For time                  when, whenever, as soon as, immediately, directly, as, while, as long as, until, till, before, after, since, by the time.
-  For reason        because,  since, as,  seeing (that),  now (that),  inasmuch as, for.
-  For condition            If,  unless,  provided(that),  Supposing(that).
-  For manner               as, as though, as if.
- For place                    where,  wherever
-  For purpose            in order that,  so(that),  in case,  for fear(that),  lest
-  For result                so…..(that),  such…….(that)
-  For comparison      as well as,  as….as, not so……..as, 
                                     more(-er)…..than,  the….the
- For concession        although,  even though,  ever if,  though,  in spite of the fact  (that),  wherever, whenever,  whatever, however,  whether

8.   Interjectionsคำอุทาน( Interjections) หมายถึง คำที่เปล่งออกมาโดยทันที ที่แสดงถึงอารมณ์ที่เกิดขึ้นโดยฉับพลัน เช่นAh!       แสดงความประหลาดใจ
Aha!     แสดงความพึงพอใจAlas!     แสดงความเศร้าEh!       แสดงความแปลกใจ
Oh!       แสดงความประหลาดใจYuck!   แสดงความขยะแขยง 

                         **************
แบบฝึกหัด
1. Nouns
A:  Look at the bold-typed words in the sentences, and write them into the correct column.
Common Noun
Proper Noun















 
1.  I saw two squirrels climbing in the tree.
2.      Jack Nicolson is a superstar.
3.      My family went to Paris last summer.
4.      January is the first month of the year.
5.      Some of the earliest diamonds known came
from India
6.      I had my dinner at Dusitthani Hotel last night.
7.      My father took me to the circus yesterday.
8.      Her essay is similar to that of her sister.
9.      Cambridge the oldest university in Britain?
10.  Do you know that hummingbird is the smallest
 bird in the world?
B:  Put the correct word in the following sentences.
1.      (glass, slice, spoonful) Would you like a___________ of cheese on your toast?
2.      (pieces, cups, bottles)  My father gave me two_____________ of advice.
3.      (lice, bottle, piece)  Could you buy a______________of milk at the shops?
4.      (spoonful, piece, cup)  That was a difficult______________of homework.
5.      (glass, piece, slice)  Would you give me a___________of water, please?
6.      (slice, cups, pieces)  How many____________ of  luggage do you have?
7.      (spoonfuls, glasses, cups) I normally take three__________ of sugar in my tea.
8.      (pieces, slices, litres)  I’ve just put forty_____________of petrol in the car.

2. Pronouns
A:  Re write the following sentences using pronouns for the bold-typed word.
Example :  Lisa bought some sweets for her mother.            She bought them for her.
1.  My brother told my little sister and me a story.
..........................................................................................................................................
2.  That salesman sold the computer to my friend.
..........................................................................................................................................
3.  Tell your brother about the last part of the story.
..........................................................................................................................................
4.  Don’t put these books in the box.
..........................................................................................................................................
5.  Peter will find the glasses for Sue.
..........................................................................................................................................
6.  Could you please send this parcel to Mrs. Robinson?
..........................................................................................................................................
7.  You and I should give a birthday present to Nancy.
..........................................................................................................................................
8.  I got these books from Mr.Adams.
..........................................................................................................................................
9.  Jennifer and Jim are going to visit Mr. And Mrs. White.
..........................................................................................................................................
10.  You can invite Jane and her boyfriend to your place.
..........................................................................................................................................
3. Adjectives
Exercise A  :  Underline the adjective and meaning in Thai.
1.  a big green car                    =          _____________ 
2.  The school is famous.         =          _____________
3.  The suitcase seems heavy.  =          _____________         
4.  Five Lazy students             =          _____________
5.  Her grades are good.          =          _____________

Exercise B  : Fill in the blanks with the words given.
Sour                unhappy         blue-eyed        poor    boring
1.  The film was so…………..that  I fell asleep.
2.  In hot weather the milk is likely to turn…………….
3.  He is rich but I am…………………….
4.  What’s the matter with you? You look………………..
5.  Mary’s eyes are blue. So, she is a………………………girl.
4. Verbs
Exercise  :  Underline the correct Infinitive with to,  Infinitive without to  or Gerunds from these sentences given.
1.  We have decided (to spend, spending)  our holidays at Cameron Highlands this time.
2.  He hopes (to meet,  meeting) her again.
3.  He enjoys (to read, reading) detective novels.
4.  You are (to put, putting) your clothes in this cupboard.
5.  (To listen, Listening) to music is her only pleasure in life.
6.  The librarian made me (return, returning) the books the next day.
7.  It started (to rain, raining) as soon as we left the house.
8.  Can you please remind her (to bring, bringing) her exercise books tomorrow?
9.  You are (to leave, leaving) here until he comes back.
10.  Please remember (to take,  taking) your identity card with you.
5.  Adverbs
Exercise A : Write “adj.” and “adv” below the bold-typed.
1.  Careful students write their exercises carefully.
2.  Suda sings beautiful songs.  Suda sings songs beautifully.
3.  She speaks fast.  I don’t understand her fast speech.
4. Tom is usually correct.  He usually writes correctly.
5.  They are happy children.  They are playing happily.

Exercise B : Change the words given to be adverb.
1.  My friend plays the piano (beautiful)…………………..
2.  Anan (usual)……………speaks English very (good)…………..
3.  They ate the cakes (greedy)……………..
4.  Niwat shouted at the boys (angry)………………..
5.  They learned French (quick)………………..and (easy)………
6. Prepositions
Exercise A :  Underline the preposition in these sentences.

1.  Do you live ( at,  on) Sukhumvit Road in Bangkok?
2.  He told me come (at,  in)  10.30 p.m.
3.  I’ve lived in England (for, since) two years.
4.  Your score is (above,  over) average.
5.  Jane lives (on,  at223 Sukhumvit Road.
 Exercise B : Fill in the blanks with the words given.

By       during             in         on        between          among             for       by
on        at                     in         into      at                     since                in         over    

6.  The party will be held……………Tuesday.
7.  When will they arrive…………..Bangkok?
8.  He dived……………………the lake and swam toward the boat.
9.  My house is…………….two rivers.
10.  I usually go to school…………car.
11.  They went to Singapore………….train.
12.  We will go there…………….foot.
13.  School begins……………..half past eight.
14.  I’ll be 25 years old…………2007.
15.  Fresh fruit is good ……….our health.
16.  The boat left……………noon.
17.  He hasn’t been here…………last Saturday.
18.  I saw them often………………the summer.
19.  He is ……….his office now.
20.  My room is directly………….yours.
7. Conjunction
Exercise A  :  Connect these sentence given with “and”, “but”.

Example  Winai can swim.  Somchai can swim.     Winai and Somchai can swim.
1.  Wipa bought bananas.  Wipa bought oranges.       ___________________________
2.  Nipa will go shopping.  Dara will go shopping.      ___________________________
3.  Mrs. Ross is pretty.  Mrs.Ross is kind.                   ___________________________
4.  Rewat wants to go to Doitao. Weena wants to go to Doisaket.
________________________________________________________
5.  Manop watches television.  He does not go to the cinema.
________________________________________________________
6.  Bancha bought a pen.  Sirima bought a pencil.
________________________________________________________

Exercise B :  Connect these sentence given with “but”, “and”, “or”.

7.  Sunee…………..Suda are going to school.
8.  Weena will go shopping…………….Srisuda will go to the cinema.
9.  A:  Do you want coffee……………tea?         B:  I want tea.
10.  A:  Do you like Suda……………Sunan?                 B:  Yes, I do.
11  I went shopping……….I saw Wilai at the shopping center.
12.  I asked her for help…………she did not help me.
13.  Do you want to eat at a restaurant……………….at home?
14.  Is your English teacher kind ………..strict?
15.  A:  Will you buy orange juice…………pineapple juice?
     B:  I will buy both.
16.  She is diligent…………..polite so every teacher likes her.

Exercise C :  Connect  the following sentences, using the correct “Conjunctions” in the brackets.
17.  Dang reads well.  Ladda reads well.  (both.....and)
________________________________________________________

18.  Suthin was late for school.  Srithong was late for school.  (not only.....but also)
________________________________________________________

19.  He is not a sailor.  He is not a soldier.  (neither......nor)
________________________________________________________

20.  I  will take my parents to Paris, or I will take my parents to China. (either.......or) 
________________________________________________________
8. Interjection
Exercise  :  Connect  the following sentences, using the correct “Conjunctions” in the brackets.
1.  The road was icy, John decided not to take the car.  (since)
________________________________________________________
2.  The weather was bad.         We stayed home all weekend. (Seeing that)
________________________________________________________
3.  His eyesight is bad.             He doesn’t read much.  (as)
________________________________________________________
4.  He lived in Paris for years. He can’t speak French Fluently.  (even though)
________________________________________________________
5.  We were eating dinner.       Our guests arrived.  (while)
________________________________________________________
6.  She drank three cups of tea.           She wasn’t thirsty.  (although)
________________________________________________________
7.  We din not go on a picnic. It’ was raining.  (because)
________________________________________________________
8.  Arnold has been waiting at the train station …... six hours.  (for)
________________________________________________________
9.  My mother was preparing dinner……I came back.  (when)
________________________________________________________
10.  He is rich…..he is not happy.  (yet)
________________________________________________________
                              **************
             ตัวอย่างแนวการจัดทำโครงงานภาษาอังกฤษ
1.  หน้าปก (Cover)
2.  บทคัดย่อ (Abstract)
3.  สารบัญ (Contents Table)
4.  Chapter 1  บทนำ
5.  Chapter 2  ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
6.  Chapter 3  การดำเนินงานโครงงานภาษาอังกฤษ
7.  Chapter 4  ผลการดำเนินงาน
8.  Chapter 5  สรุปผลการดำเนินงาน